รีวิว รองเท้าแบรนเนม Street Culture

เริ่มต้นประวัติศาสตร์การวิ่งของ รองเท้าแบรนเนม Street Culture"หน้ายิ้ม" ในวงการสตรีทคัลเจอร์
รองเท้าแบรนเนม Street Culture สไตล์ในตำนานฉันเชื่อว่าหากคุณแยกชิ้นส่วนรองเท้าคู่โปรดของคนรักสไตล์สตรีทออก จะต้องมีรองเท้าผ้าใบที่มีรูปทรงคลาสสิก มีส่วนโค้งที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น รอยยิ้ม แต้มอยู่ที่ปลายเท้าของรองเท้าแต่ละคู่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย จนกลายเป็นรอยยิ้มที่พบเห็นได้ทุกที่ตั้งแต่ท้องถนนไปจนถึงเวทีคอนเสิร์ตเพราะมีรูปทรงที่เข้ากับเสื้อผ้าได้ง่ายนอกจากจะสบายเท้าแล้ว จะใส่กับสไตล์ไหนก็ดูดี เห็นชื่อกันตั้งนานแล้ว Jack Purcell นี่ใครกัน เหตุใดชื่อนี้จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของรองเท้าสนีกเกอร์สุดคลาสสิกที่ใคร ๆ ก็หลงรัก
สวมใส่มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งทีมสเก็ต ศิลปินดังจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Steve McQueen, James Dean, Kurt Cobain, The Beatles หรือขวัญใจเราในยุคนี้อย่างคุ้มอิง-วรันธร Ground Control จะพาคุณนั่งไทม์แมชชีนไปพบกับชายชื่อ “Jack Purcell” ผู้ให้กำเนิดรอยยิ้มบนปลายเท้าของรองเท้า Converse รุ่นพิเศษนี้ ที่สำคัญที่สุด มาดูกันว่าทำไม “รอยยิ้ม” บนรองเท้าผ้าใบเหล่านี้ถึงเป็นรอยยิ้มยอดนิยมที่พบเห็นได้ทุกที่ แล้วทำไมคนมั่นใจถึงเลือกใส่รองเท้าแบบนี้? มาร่วมค้นหารอยยิ้มในจังหวะชีวิตไปด้วยกัน
ใครคือแจ็ค
จอห์น เอ็ดเวิร์ด “แจ็ค” เพอร์เซลล์เกิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2446 ในออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา พรสวรรค์ด้านกีฬา โดยเฉพาะกีฬากอล์ฟและแบดมินตัน ตัวเลขของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในขณะนั้น แบดมินตันเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุด อาจกล่าวได้ว่าการต่อสู้มีอยู่ในแทบทุกครอบครัวของชนชั้นกลาง Purcell เองเริ่มเล่นกีฬาในปี 1924 และในไม่ช้าเขาก็ยกระดับตัวเองจากระดับท้องถิ่นไปสู่ระดับชาติด้วยการเล่นลูกขนไก่ เป็นตัวแทนของแคนาดาในอังกฤษจนถึงปี พ.ศ. 2474 และได้รับรางวัลอีกครั้ง เมื่อเพอร์เซลล์กลับบ้าน
เขาพบว่าตัวเองถูกกีดกันจากกลุ่มมือสมัครเล่น เพราะเพียงหนึ่งปีหลังจากเพอร์เซลล์เข้าสู่การเล่นแบดมินตันอาชีพ เขาก็ ‘ตี’ นักแบดตัวแทนประเทศอื่นจนจบ ในปี 1933 แจ็ค เพอร์เซลล์ได้รับการประกาศให้เป็นแชมป์โลกแบดมินตันคนใหม่ โดยเอาชนะผู้เล่นจากแคนาดา สหรัฐอเมริกา และบริเตนใหญ่จนถึงที่สุดและวันที่เขาวางสาย ไม่มีใครสามารถเอาชนะแชมป์ของเขาในปี 1945 ความสำเร็จและชัยชนะอันยิ่งใหญ่นี้ทำให้ Jack Purcell กลายเป็นซูเปอร์สตาร์และตำนานแบดมินตันแห่งศตวรรษที่ 20 ก่อนและหลังชื่อของเขาจะเป็นตำนานในอีกบทหนึ่ง
BF Goodrich แห่งวงการยางรถยนต์ก้าวเข้าสู่สังเวียนรองเท้าผ้าใบ
ในขณะเดียวกัน ในอีกด้านหนึ่งของโลกชุดกีฬา ซึ่งถือว่าเป็นสมรภูมิเล็ก ๆ สำหรับบริษัทยางในตอนนั้น บริษัทยางแต่ละแห่งต้องการเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงราชาแห่งรองเท้าสนีกเกอร์ เมื่อถึงเวลานั้น ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Firestone ได้เปิดตัวรองเท้าของตนเอง และ Dunlop ขาย “Sandshoes” ได้ 2.2 ล้านคู่ต่อปีในสหรัฐอเมริกา นับเป็นยางอีกรุ่นหนึ่งที่กำลังต้องการเข้าสู่ตลาด แบรนด์ บีเอฟ กู๊ดริช แม้ว่าจะเกิดขึ้นค่อนข้างช้า แต่บีเอฟ กู๊ดริชก็มีภาพที่ชัดเจนอยู่ในใจแล้ว แบรนด์ต้องการเจาะตลาดรองเท้าแบดมินตัน พวกเขากำลังมองหาคนที่สามารถช่วยออกแบบรองเท้าแบดมินตันด้วยแนวคิดใหม่ ๆ และที่สำคัญ คนในวงการที่รู้จักหรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับรองเท้าแบดมินตันจริง ๆ มีแบดมินตันและแชมป์โลกดาวรุ่ง Jack Purcell
รองเท้ามืออาชีพและมือสมัครเล่น
ในปี 1935 รองเท้า BFGoodrich Jack Purcell ออกมาและกลายเป็นไอเท็มที่นักแบดมินตันต้องมีในตอนนั้น จุดเด่นของรองเท้าแบดมินตัน Jack Purcell คือพื้นรองเท้าด้านนอกเป็นยางและส่วนรองรับแกนเหล็กที่สอดอยู่ใต้พื้นรองเท้า ทำให้สามารถรับแรงกระแทกขณะวิ่งในสนามแบดมินตันได้ดี คุณสมบัติเพิ่มเติมอีกอย่างที่จะเป็นเอกลักษณ์ของรองเท้าคือ “รอยยิ้ม” ยางสีน้ำเงินที่ส่วนโค้งของนิ้วเท้า ชายคนนั้นมองดูเขาแวบหนึ่งและรู้ทันทีว่าเป็นเช่นนี้ นี่คือรองเท้า Jack Purcell
แม้ว่าเดิมทีจะออกแบบเป็นรองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับวิ่งในสนามแบดมินตันโดยเฉพาะ แต่ผู้คนในสมัยนั้นกลับสวมรองเท้าที่มีสไตล์และทนทานเหล่านี้เพื่อเล่นแบดมินตันในสนามต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหญ้าหรือพื้นดิน ปะติดปะต่อตั้งแต่มือสมัครเล่นไปจนถึงนักกีฬามืออาชีพระดับโลกในยุคนั้น ใช้เวลาไม่นานรองเท้า Jack Purcell ก็ออกสู่ท้องถนน เป็นส่วนหนึ่งของลุคลำลองในชุดแฟชั่นสไตล์สตรีทของคุณ หรือจะนำไปผสมผสานกับเสื้อผ้าที่เป็นทางการ ซึ่งเจ๋งมากในปี 1972 เมื่อ Converse ซื้อ BFGoodrich ซึ่งนำรองเท้า Jack Purcell เข้าสู่ตระกูล Converse และถูกเรียกว่า Converse Jack Purcell ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
รองเท้าผ้าใบคุณภาพที่ออกแบบมาเพื่อทุกคน
สำหรับบ้านใหม่ของ Jack Purcell “Converse” เป็นแบรนด์รองเท้าที่เก่าแก่พอ ๆ กับ Jack Purcell ซึ่งก่อตั้งขึ้นในแมสซาชูเซตส์ในปี 1908 อเมริกาเกิดขึ้นจากความคิดริเริ่มของ Marquis Mills Converse ผู้จัดการโรงงานที่จำหน่ายรองเท้ายางให้กับคนทุกวัย สะสมความรู้จนก่อตั้งบริษัทรองเท้าของตัวเอง จนกระทั่งปี 1915 Converse มองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ นั่นคือรองเท้าที่ใช้สำหรับเล่นกีฬาโดยเฉพาะ
ในปี 1917 รองเท้าบาสเก็ตบอล Converse All-Star คู่แรกเปิดตัว แต่ตำนานบาสเก็ตบอลของ Converse เริ่มต้นขึ้นในปี 1923 เมื่อนักบาสเก็ตบอล Charles H. “Chuck” Taylor นำรองเท้าบาสเก็ตบอลสำเร็จรูปมาที่ร้านของเขา จากนั้น Converse ก็บ่นเกี่ยวกับการออกแบบที่ไม่เหมาะสม ซึ่งทำให้ปวดเท้า นั่นคือตอนที่ Converse ว่าจ้าง Taylor ให้ช่วยออกแบบรองเท้าบาสเก็ตบอลให้กับแบรนด์ จนกลายมาเป็นรุ่น Chuck Taylor All Star ของ Converse ที่ได้รับความนิยมจากนักบาสและวัยรุ่นในขณะนั้น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Converse ได้เปลี่ยนโรงงานให้กลายเป็นสายการผลิตรองเท้า เครื่องแบบ และอุปกรณ์ในสนามรบสำหรับทหารอเมริกัน จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามไฟ Converse ก็กลับมาโลดแล่นในวงการสนีกเกอร์อีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ BFGoofrich ซื้อกิจการ Jack Purcell ซึ่งเป็นแบรนด์รองเท้าที่โด่งดังที่สุดในยุคนั้น
รอยยิ้ม รอยยิ้มที่น่าประทับใจในทุกย่างก้าว
Converse Jack Purcell หนึ่งในแบรนด์สตรีทแวร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนั้นได้กลายเป็นรองเท้า Converse ยอดนิยมอีกรุ่นที่สามารถพบได้ทุกที่ตั้งแต่ข้างถนนไปจนถึงเวทีคอนเสิร์ต รองเท้าผ้าใบที่มีเส้นโค้งรูปยิ้มที่ปลายเท้าสวมใส่โดยสไตล์ไอคอนในยุคนั้น ตั้งแต่ The Beatles ถึง Kurt Cobain ไปจนถึงตำนานฮาร์ดคอร์พังก์อย่าง The Beatles Fugazi ทำให้ทุกถนนมีรอยยิ้ม วัยรุ่นในยุคนั้นก็สวมรองเท้าหน้ายิ้มเหล่านี้เช่นกัน วันนี้ Converse Jack Purcell กลายเป็นรองเท้าสนีกเกอร์สุดคลาสสิก และคุณก็รู้ว่ามันคือ Converse Jack Purcell คู่หนึ่งเมื่อคุณยิ้มให้กับนิ้วเท้าของคุณ

ยิ้มให้กับจังหวะของเรา
Converse Jack Purcell ได้กลายเป็นมากกว่ารองเท้าผ้าใบ เพราะแค่เห็นรอยยิ้มบน Toe Cap ก็จินตนาการได้เลยว่าเจ้าของรองเท้าคู่นี้ต้องมีจิตวิญญาณแห่งความ “กล้า” ที่จะฉีกกรอบเพื่อก้าวสู่ความเป็นที่สุดแห่งตัวตนเฉกเช่นผู้ให้กำเนิด ยิ้มบนฝาเท้า และคุณพ่อคุณแม่ผู้นำสไตล์ทุกยุคทุกสมัยก็ใส่สนีกเกอร์นี้ให้เฉิดฉายและปีนี้ใครมี Converse Jack Purcell เป็นของตัวเองบ้าง แล้วขอรองเท้าหน้ายิ้มมาใส่กับรองเท้าแบบผูกเชือก เพราะ Converse ชวนเราออกไปหาจังหวะ “ยิ้ม” ในแบบฉบับของตัวเอง
เช่นเดียวกับศิลปินหนุ่มยิ้มกว้าง “อิ้งค์-วรันธร เปานิล” ที่เขาพบรอยยิ้มของตัวเองในทุกย่างก้าวของชีวิต ทุกอย่างอยู่ในดนตรี เธอยิ้มได้ดีที่สุดเมื่อมองลงมาจากเวทีและเห็นรอยยิ้มของผู้ชม เธอยิ้มได้ดีที่สุดเมื่อเธอเขียนเพลงในสตูดิโอที่เคร่งเครียด เพราะได้ทำในสิ่งที่รัก หรือแม้กระทั่งก้าวออกจากบ้านในตอนเช้าก็ถูกลูกสุนัขแสนรักกระโดดโลดเต้นทักทาย ในนั้นเขาได้เผยเคล็ดลับในการสร้างรอยยิ้มในแบบของคุณ แค่หาแนวทางของคุณเองและไม่ต้องเดินตามรอยเท้าใคร สละเวลาออกไปใช้ชีวิตทำในสิ่งที่เรามีความสุขที่สุด และที่สำคัญ ใส่ใจตัวเองในทุก ๆ ที่ที่เราไป เพื่อให้เรายิ้มได้ดีที่สุดในแบบของเรา
อ่านเพิ่มเติม : รองเท้าแบรนเนม
ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : https://newsbrandname.com/