รีวิว นาฬิกาแบรนเนม Casio

ประวัติความเป็นมาของ นาฬิกาแบรนเนม Casio ตำนานนาฬิกาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
นาฬิกาแบรนเนม Casio เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่แทบไม่มีใครเคยได้ยินชื่อ เพราะนอกจากเครื่องคิดเลข Casio ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกกว่า 90% แล้ว ยังมีนาฬิกาในตำนานที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่าง G-shock และบางรุ่นขายได้มากถึง 8 เท่า มาดูกันว่า Casio เข้าสู่อุตสาหกรรมนาฬิกาได้อย่างไร แล้วทำไมคาสิโอถึงยืนหยัดอยู่ได้ถึง 75 ปี มาหาคำตอบกัน
ที่มาของชื่อ "คาสิโอ"
ย้อนกลับไปในปี 1946 ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นายทาดาโอะ คาชิโอะ วิศวกรชาวญี่ปุ่น “Casio Computer Co., Ltd.” ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สูบบุหรี่ยอดนิยมที่เรียกว่า “Yubiwa Pipe” อาจเป็นเพราะญี่ปุ่นอยู่ในสภาวะตึงเครียดหลังสงครามในเวลานั้น ส่งผลให้คนส่วนใหญ่หันมาสูบบุหรี่เพื่อคลายเครียด

ต่อมาในปี 1949 Kashio Tadao และน้องชายของเขาได้ประดิษฐ์เครื่องคิดเลขขึ้น จนกระทั่งในปี 1957 พวกเขาสามารถผลิตเครื่องคิดเลขอิเล็กทรอนิกส์ Casio 14-A ได้ ทำให้เกิดฟังก์ชั่นหน่วยความจำเครื่องแรกของโลก ซึ่งทำให้ Casio เป็นที่รู้จักของผู้คนมากมาย
คาสิโอรุกตลาดนาฬิกา
ในปี 1974 Tadao เริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมนาฬิกา เนื่องจากเมื่ออุตสาหกรรมนาฬิกาเผชิญกับวิกฤตควอตซ์หรือที่เรียกว่าวิกฤตนาฬิกาแบตเตอรี Tadao จึงไม่พลาดโอกาสนี้ จึงเข้าสู่ตลาดด้วย Casiotron ซึ่งเป็นนาฬิกาดิจิตอลควอตซ์เรือนแรกที่พัฒนาจากเทคโนโลยี LCI ของเครื่องคิดเลข จุดขายคือนาฬิกาเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์และราคาย่อมเยา และ Casio ไม่ได้ผลิตนาฬิกาดิจิทัลธรรมดา ๆ แต่เป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่มีปฏิทินอัตโนมัติแบบดิจิทัลที่ไม่ต้องรีเซ็ตปฏิทินเลย นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างนาฬิกา Casio ให้เป็นแม่แบบสำหรับนาฬิการุ่นต่อไป
กำเนิด G-SHOCK
G-SHOCK ถูกสร้างขึ้นในปี 1978 โดย Kikuo Ibe วิศวกรหนุ่มของ CASIO เมื่อเขาทำนาฬิกาที่พ่อของเขาซื้อให้และทำให้เสียหาย สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของ Ibe ในการผลิตนาฬิกาที่สามารถทนทานต่อทุกสภาวะ ตั้งปณิธานว่านาฬิกา G-SHOCK จะต้องเป็น “Triple 10” นั่นคือกันกระแทกได้สูงถึง 10 เมตร ทนแรงดันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร และแบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง อิ๊บใช้เวลาเกือบ 2 ปีและพยายามมากขึ้น กว่า 200 ต้นแบบ จนได้ไอเดียใหม่ นี่คือนาฬิกาที่ทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี ในปี 1983 G-SHOCK รุ่นแรกถือกำเนิดขึ้น DW-5000C ตอบสนองความคาดหวังของ Ibe สำหรับ “Triple 10” ซึ่งเป็นแนวคิดที่เป็นจุดเด่นของตลาด G-SHOCK ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ต้นกำเนิดตำนานนาฬิกาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
แม้ว่า Ibe จะประสบความสำเร็จในการออกแบบ G-SHOCK เพื่อให้ได้ฟังก์ชัน “Triple 10” ที่ต้องการ แต่ผู้คนก็ยังไม่คุ้นเคยกับรูปร่างและไม่แน่ใจในคุณสมบัติที่กล่าวอ้าง จนกระทั่งปี 1984 G-SHOCK บุกสหรัฐอเมริกาโดยหวังว่าจะทำการตลาด บริษัทใช้นาฬิกา G-SHOCK DW-5200C แทนนาฬิกาเด็กซนในระหว่างการแข่งขันฮอกกี้ หลังจากผลการทดสอบความแข็งแกร่งออกมา ทำให้ผู้ชมประหลาดใจอย่างมาก เพราะนาฬิกาแทบจะไม่มีอะไรเลย

เวลายังคงเดินต่อไปตามปกติ จากนั้นทำการทดสอบจำลองหลายครั้ง ผลลัพธ์ยังคงดีเช่นเคย ในปี 2560 G-shock (DW5600E-1) ได้รับการทดสอบภายใต้รถบรรทุกขนาด 24.97 ตัน และประสิทธิภาพของนาฬิกายังคงดีมาก มันเข้าสู่ Guinness Book of World Records ว่าเป็นนาฬิกาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกและเป็นนาฬิกาเพียงเรือนเดียวที่ผ่านการทดสอบนี้
ขยายฐานลูกค้าให้เข้าถึงวงการกีฬาและคนรุ่นใหม่
อาจกล่าวได้ว่าการเติบโตของ G-SHOCK เป็นเพราะภาพสตรีทแฟชั่นจากสหรัฐอเมริกาเริ่มปรากฏในนิตยสารของญี่ปุ่น ปล่อยให้ความนิยมของนาฬิกา G-SHOCK โด่งดังในหมู่วัยรุ่นที่รักการแต่งตัว ความนิยมของนาฬิการวมถึงนักดนตรีและศิลปินที่มีชื่อเสียงทำให้แบรนด์ Casio เติบโตอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น เห็นได้จากยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 10 เท่าในเวลาไม่ถึง 5 ปี
G-Shock ของนักสะสม
G-Shock ไม่เพียงแต่มีนาฬิกาเครื่องมือราคาถูกเท่านั้น แต่ยังมีรุ่นพิเศษที่กลายเป็นของหายากสำหรับนักสะสมนาฬิกาอีกด้วย นั่นคือนาฬิกา G-Shock Murakami ที่มีชื่อรหัสว่า GWF-1000TM ซึ่งออกแบบโดยศิลปินชาวญี่ปุ่น Takashi Murakami ผู้สร้างสรรค์ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์คือดอกไม้ Murakami หลากสีสัน และนาฬิกาเรือนนี้ผลิตขึ้นเพียง 300 เรือนเท่านั้น ราคาเริ่มต้นที่ 120,000 บาท และแน่นอนว่าขายหมดในพริบตา ราคามือสองปัจจุบันสูงถึง 800,000 บาท
G-Shock อีกรุ่นที่เป็นผลงานชิ้นเอกอย่างแท้จริง การผสมผสานระหว่าง G-Shock MR-G ยอดนิยมกับสุดยอดงานฝีมือของช่างตีเหล็กในตำนานของเกียวโต เกิดเป็น G-Shock รุ่น TSU-I-KI-MRG-G1000HT ที่สร้างขึ้นโดยช่างโลหะระดับปรมาจารย์ Asano Bihou Asano ผู้สืบทอดงานฝีมือดั้งเดิมของญี่ปุ่น ” Hammer Tone “. ตำนานแห่งเทคนิคงานโลหะแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่สำคัญคือนาฬิการุ่นนี้สามารถปรับเวลารอบโลกโดยอัตโนมัติผ่านเสาอากาศและดาวเทียม GPS และจะผลิตเพียง 300 เรือนเท่านั้น ราคาเปิดตัวประมาณ 220,000 บาท
G-Shock ที่ทันสมัย
ปัจจุบัน Casio ยังคงท้าทายแนวคิดของตัวเอง และสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนทั่วโลก นอกจากนี้ ยังคงรักษาความนิยมและมีฐานแฟนคลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณของแบรนด์ Never Gave Up ทำให้ยังคงครองตลาดนาฬิกาอย่างเหนียวแน่นจวบจนทุกวันนี้ คาสิโอท้าทายความคิดของตนเองอย่างต่อเนื่อง การคิดค้นและพัฒนาของ G-Shock นั้นแข็งแกร่งกว่าที่เคย โดยเพิ่ม Bluetooth 4.0 ให้กับนาฬิกา GB-6900 ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ หรือ GPW 1000
เป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่มีเทคโนโลยีนี้
เซนเซอร์ GPS แบบไฮบริดเวฟจะรับข้อมูลตำแหน่งและเวลาจากดาวเทียม GPS โดยไม่ต้องปรับแต่งใด ๆ เท่านั้นยังไม่พอ ในเดือนพฤษภาคม 2017 Casio ได้เปิดตัวรุ่น GPW-2000 ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี “Connected Engine 3-Way Module” ซึ่งเป็นระบบการเชื่อมต่อ 3 ทาง ได้แก่ GPS, Hybrid Wave Ceptor และสัญญาณ Bluetooth ซึ่งดีที่สุด สำหรับแสดงเวลาปัจจุบัน ทำให้สามารถบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงที่สุด นี่คือเหตุผลที่ G-Shock ได้รับการยอมรับว่าเป็นนาฬิกาเครื่องมือชั้นนำของโลก

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2020 Casio ก้าวเข้าสู่วงการนาฬิกาอัจฉริยะด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และเปิดตัว G-Shock GBD-H1000-1A7 ใหม่ หรือที่เรียกว่า G-Shock Move เป็นนาฬิกาที่มีคุณสมบัติใหม่ล่าสุดที่ทุกคนคาดหวังจากแบรนด์ แอปที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อบันทึกข้อมูลการวิ่งทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่งที่ต้องการได้ เมื่อใช้ร่วมกับนาฬิกาจับเวลา จะสามารถติดตามข้อมูลการวิ่งได้
ต่อมาในปี 2021 แบรนด์ Casio รุ่นใหม่ล่าสุดจะเปิดตัว GMW-B5000TR ซึ่งเป็นนาฬิกากันกระแทกรุ่นใหม่จากซีรีส์ Square Full Metal 5000 ที่ทำจากวัสดุใหม่ที่พัฒนาขึ้นสำหรับ G-Shock โดยเฉพาะ นั่นคือวัสดุ “TranTixxii” ซึ่งเป็นไทเทเนียม โลหะผสมที่มีความแข็งแรงเป็นสองเท่าของไททาเนียมบริสุทธิ์ GMW-B5000TR เป็นนาฬิกาไทเทเนียม G-Shock เรือนแรกที่มีผิวเคลือบมันเงาสวยงาม แตกต่างและไม่ซ้ำใคร
อ่านเพิ่มเติม : นาฬิกาแบรนเนม
ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : https://newsbrandname.com/