รีวิว กระเป๋าแบรนเนม Jacob

ความลับของ กระเป๋าแบรนเนม Jacob ที่สืบทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่นทำให้เขาอยู่ในตลาดมานานกว่า 80 ปี
กระเป๋าแบรนเนม Jacob ชื่อแบรนด์เครื่องหนังถ้าไม่ใช่แบรนด์ไทยหลายคนคงคิดว่าเป็นแบรนด์เครื่องหนังจากต่างประเทศ อาจเป็นเพราะ Jacob ผลิตและส่งออกเครื่องหนังเพื่อจำหน่ายในต่างประเทศตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อมีคนซื้อกลับมาใช้ที่ไทยจึงรู้ว่าเป็นแบรนด์ต่างประเทศแม้ว่าแบรนด์ไทยนี้จะดำเนินกิจการจากรุ่นสู่รุ่นก็ตาม รุ่นหนึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 80 ปี “ยาโคบเริ่มต้นจากรุ่นปู่ เราทำกระเป๋ามาหลายแบบแต่ทีแรกเราไม่มีแบรนด์ พอเขาเริ่มส่งออกมากขึ้น เขาคิดว่าจะเริ่มแบรนด์ของตัวเองเป็นความคิดที่ดี และตั้งแต่เขา ไปโรงเรียนคริสเตียน เขาใช้ชื่อบาทหลวงจาค็อบตามพระคัมภีร์เป็นชื่อแบรนด์ เราทำเน็คไท มันเป็นเน็คไทที่ทำจากผ้าไหม
ผ้าญี่ปุ่น แต่เมื่อมาทำสงครามกับญี่ปุ่นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา วัตถุดิบของเรามาจากญี่ปุ่น Coming เราจึงเลิกทำและหันไปหาผลิตภัณฑ์เครื่องหนังจะเห็นว่าโลโก้ของแบรนด์ Jacob มีเน็คไทคั่นระหว่างสิงโตสองตัวด้วย” ผู้บริหารรุ่นที่สามของ Jacob ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ของบริษัท ศรียาโคบ จำกัด โนราห์ ชลาวานิช เล่าถึงการกำเนิดของจาค็อบ ตั้งแต่รุ่นก่อตั้งสุทิน เทพชาตรี ไปจนถึงรุ่นปัจจุบัน คุณโนรา กล่าวเสริมว่าการแข่งขันในแต่ละรุ่นในอุตสาหกรรมนี้มีการพัฒนาที่แตกต่างกัน

“รุ่นคุณปู่จะเป็นยุคที่ปราศจากเรื่องราวของโลกาภิวัตน์ กระเป๋า
กระเป๋าและเครื่องหนังของเราเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในประเทศไทย ไม่มีคู่แข่ง ไม่มีแบรนด์ต่างประเทศ และไม่มีแบรนด์ท้องถิ่นเล็ก ๆ น้อย ๆ มีคนไทยจำนวนมาก โดยรุ่นที่สอง คือแม่กับป้า ก็มีคู่แข่งบ้าง แต่จีนยังไม่เปิดประเทศ ณ ขณะนั้น ประเทศไทยจึงเป็นศูนย์กลางของงานหัตถกรรม เราจึงเป็นแหล่งส่งออก ตอนนั้นไทยมี OEM มากขึ้น มากกว่าจีนเพราะค่าจ้างเราถูกกว่า รุ่นแรก สามชั่วอายุคน รุ่นของเรายังพบกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้ง Disruption, E-Commerce และ Globalization ปัจจุบัน เงินเดือนในไทยแพงกว่าในจีน” อย่างไรก็ตาม ในการบริหารจัดการแต่ละโมเดล โนราห์เชื่อว่าจะมีจุดที่ธุรกิจสามารถพัฒนาต่อไปได้นั่นคือการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
เรียนรู้จากประสบการณ์ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น “ในส่วนของกระบวนการผลิตนั้นมีความรู้ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นจากปู่ซึ่งเป็นเรื่องของการเลือกใช้วัตถุดิบในการทำกระเป๋านักเรียนยอดนิยมเราเลือกหนังที่ทนทานที่สุดกุญแจที่ใช้ต้องมาจากประเทศเยอรมนี และวัสดุที่เราเลือกใช้ล้วนมีคุณภาพสูง ในยุคที่ 2 วัสดุของกระเป๋าได้เปลี่ยนจากหนังแท้มาเป็นหนัง PU ในอดีตและเรายังคงรักษารสชาติดั้งเดิมไว้เพียงเพื่อหาวัสดุที่ดีที่สุดมาใช้ ฟังก์ชั่นที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าของคุณ
การเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งในยุคของเรา
คือช่องทางการขายเราเริ่มพัฒนาส่วนอีคอมเมิร์ซและเสริมความแข็งแกร่งของระบบสินค้าคงคลัง เนื่องจากเราเป็นธุรกิจฝากขาย การหมุนเวียนสินค้าคงคลังจึงต้องดี ส่วนการผลิตก็ต้องปรับตัวเมื่อค่าแรงขึ้น ทางออกไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องเพิ่มคุณสมบัติเพิ่มเติมเพื่อให้คุ้มค่ากับต้นทุนการผลิตที่สูญเสียไป ” รัศมี ชลาวานิช และ ยักษ์ เบลน เดวิดสัน ทายาทรุ่นที่สองที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหาร กล่าวเสริมว่า แม้ว่าบุคลิกที่แข็งแกร่งของจาค็อบจะทำให้เขามีความภักดีต่อแบรนด์ของจาค็อบเป็นอย่างมาก แต่สินค้าก็ยังคงมีความสำคัญในใจของลูกค้าในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอกการตัดสินใจซื้อ “เราปรับปรุงการออกแบบให้ทันสมัยส่งออกไปยังลูกค้าชาวฝรั่งเศสมานานกว่า 30 ปี
ดังนั้นเราจึงได้รับเทรนด์การออกแบบสีใหม่ ๆ จากลูกค้าของเราล่วงหน้า 1 ปีและนำพวกเขากลับมาผลิตกระเป๋าของเราที่ประเทศไทย แต่กระเป๋าของเรา ไม่ทันสมัยแต่จะเป็นกระเป๋าที่สามารถใช้ได้ทุกวัน ใส่ใจในคุณภาพ มีลูกเล่นในกระเป๋าเมื่อเทียบกับผู้หญิงแล้วเรามีบุคลิกของผู้หญิงมืออาชีพ สะอาด เป็นระเบียบ ไม่ฉูดฉาดลูกค้า สามารถใช้งานได้นาน
หลังจากดำเนินธุรกิจมากว่า 80 ปี
การบริหารก็ตกไปอยู่ในรุ่นที่สองและสาม คุณโนรา เชื่อว่าจะต้องเป็นการผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ซึ่งต่างก็มีข้อดีข้อเสียของตัวเอง “การบริหารรุ่นที่สองจะเป็นเชิงรุก คือ รอให้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วแก้ไขด้วยตนเอง เวอร์ชันของเราจะเป็นเชิงรุก” ธรรมชาติของการจัดการคือการมองไปข้างหน้าและวางแผนป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น แต่นอร่ามองว่าเจค็อบเป็นการผสมผสานระหว่างการจัดการ ” ในฐานะรุ่นที่สามมักจะมีแรงกดดันและความคาดหวังอยู่เสมอ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณโนราคิดคือจะทำให้แบรนด์ดีขึ้นได้อย่างไร
“รุ่นที่สองโชคดีที่มีพี่น้องร่วมงานกันมากมาย แต่สำหรับคนรุ่นเรา เป็นเพียงคนเดียวที่ดูเรื่องนี้ ส่งผลให้เราไม่ใกล้ชิดกับคนทำงานเท่ารุ่นแม่และป้า ๆ ” เราไม่สามารถลงไปดูเรื่องจิ๊บ ๆ ได้หมด เลยต้องรื้อระบบใหม่ แต่ปัญหาคือ พนักงานเราคุ้นเคยกับธุรกิจของครอบครัวมาก พอเปลี่ยนอะไร บางทีก็เปลี่ยนยากเพราะ เป็นนิสัยที่เขาทำมาทั้งชีวิต เราต้องชินกับสิ่งที่เรารู้ว่าผิด ใช่ครับ โทรมาแก้ไขแต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ เราต้องลงไปทำกับเขาถึงจะรู้ว่าอะไรเป็น ผิดและจะแก้ไขอย่างไร” ปัจจุบัน Jacob มีจุดขายในโมเดิร์นเทรด 150 จุด แต่การเติบโตกลับซบเซาเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ดังนั้นคุณโนราจึงกำลังพิจารณาเพิ่มช่องทางการขายอีคอมเมิร์ซที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงขึ้น

เรามีเว็บไซต์มา 10 ปีแล้ว
แต่ตอนนี้เรากำลังพัฒนาส่วนอีคอมเมิร์ซของเราเอง ออนไลน์ดูเหมือนจะเป็นช่องทางแห่งโอกาส แม้ว่าตอนนี้จะมีเพียง 2-3% เท่านั้น แต่กระแสกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ มันเป็น สูง เลยต้องพัฒนาระบบที่นี่ให้แข็งแกร่งขึ้น อาจจะมี พนักงานตอบไลน์ลูกค้าเพิ่ม คนใน IG มากขึ้น เพื่อช่วยสื่อสารกับลูกค้า ในอีก 5 ปีข้างหน้าสำหรับ Jacob เราคิดว่าเราต้องสร้างระบบที่มั่นคงซึ่งคุ้มค่ากับสินค้าคงคลัง และหวังว่าจะสร้างรากฐานออนไลน์ที่แข็งแกร่ง มีทีมงานที่เข้มแข็ง ส่วนแบรนด์ เราหวังจะสร้างแบรนด์ที่จะทำให้คนรุ่นเรารู้จักเรามากขึ้นและรู้ว่า
Jacob มีมากกว่ากระเป๋านักเรียน ให้เขาเห็นคุณค่าของกระเป๋าเราคุณภาพเท่ากระเป๋าต่างประเทศ เราจะเพิ่มจำนวนลูกค้ากระเป๋านักเรียนต่อไปได้อย่างไร นี่คือความท้าทายหลักที่เราเชื่อว่าจะต้องได้รับการแก้ไขในอีก 5 ปีข้างหน้า เราอาจจะต้องเผยแพร่ตัวตน การสื่อสาร การตลาดผ่านช่องทางต่าง ๆ มีความหลากหลายมากขึ้น ” แม้ว่านี่จะเป็นภาระหน้าที่ที่ต้องทำ แต่สุดท้ายคุณโนราก็บอกเราว่าเธอไม่อยากไปจากที่นี่ถ้าไม่มีใครทำ เพราะธุรกิจนี้สร้างโดยคุณปู่ และคุณปู่ก็ภูมิใจเช่นกันดังที่เขาพูดในการให้สัมภาษณ์: “ความสุขใดไม่เท่าความสุขที่ได้เห็นลูกก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ยิ่งพ่อปูทาง งานมากเท่าไร ก็ยิ่งภูมิใจในตัวพ่อมากขึ้นเท่านั้น ราวกับเป็นการยืนยันว่าความเพียรพยายามติดพ่อนี้จะไม่ เปล่าประโยชน์” ในอนาคตการทำงานร่วมกันของคนทั้งสองจะค่อย ๆ ปรับขึ้น เพื่อนำแบรนด์ Jacob ขยายฐานลูกค้าและมุ่งสู่คนรุ่นใหม่ในอนาคต
อ่านเพิ่มเติม : กระเป๋าแบรนด์เนม
ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : https://newsbrandname.com/